AI: Appreciative Inquiry
ผศ.ดร.ศิริรัตน์ วงศ์ประกรณ์กุล
1มิถุนายน 2561
Credit: Dr.David Cooperrider
WOW Dr. David Cooperrider จบจาก Case Western
Reserve University สถาบันเดียวกันกับผู้เขียนเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรียกพี่ได้สิคะเนี่ย
eiei ถ้าอยากรู้เรื่อง AI เพิ่มเติมค้นคว้าได้ที่
ai.case.edu นะคะ
สุนทรียสาธก (Appreciative
inquiry) คือ กระบวนที่มุ่งเน้นเสริมพลังความเข้มแข็งด้านบวกในการออกแบบกระบวนงาน
เพื่อให้องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความยั่งยืนในอนาคต โดยการค้นหาคุณค่า องค์ความรู้ที่ฝั่งลึกสั่งสมจากประสบการณ์การทำงาน
ที่มีอยู่ในตัวคน ทีมงาน องค์กร และสังคมที่ล้อมรอบตัวเรา โดยใช้การคำถามเชิงบวก นำมารวบจัดเก็บอย่างเป็นระบบ
จากนั้นนำคุณค่าและองค์ความรู้ดังกล่าวมาใช้เป็นองค์ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
สร้างวิสัยทัศน์ในอนาคตร่วมกัน แล้วนำมาออกแบบ วางแผน ปฏิบัติ ติดตามประเมินผลเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่การยกระดับความรู้ใหม่ในอนาคต
ตลอดจนการประยุกต์ความรู้ที่เกิดขึ้นในงานประจำนำไปสู่การพัฒนาระบบการจัดการความรู้
กระบวนการสุนทรียสาธก หรือ
AI มี 4 ขั้นตอนได้แก่
1. การค้นหา (Discovery) การค้นหาเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการสุนทรียสาธกที่จะสนับสนุนให้ขั้นตอนของการกำหนดหัวข้อความรู้ในกระบวนการจัดการความรู้โดยเฉพาะการระบุหัวข้อความรู้ที่เกิดจากความสำเร็จของคน
ทีมงาน และองค์กรทั้งในอดีต ปัจจุบัน และความรู้ใหม่ที่ต้องการสร้างในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยผู้ค้นหาจะใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกและการตั้งคำถามเชิงบวกเพื่อแสดงความชื่นชมในความสำเร็จจากประสบการณ์ทั้งอดีตและปัจจุบันอย่างจริงใจ ตลอดจนการนำคำถามเชิงบวกมาใช้ในการกระตุ้นส่งผลให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เกิดการเล่าเรื่องราวที่สะท้อนความรู้สึกภาคภูมิใจจากความสำเร็จที่เกิดจากประสบการณ์ของบุคคล
ผ่านการพูดคุยแลกเปลี่ยนแบ่งปัน ความรู้สึกนึกคิดซึ่งเป็นความรู้ที่ฝังลึกจากบุคคลคนหนึ่งไปสู่บุคคลอีกคนหนึ่ง ซึ่งในขั้นตอนการสร้างความรู้ในกระบวนการจัดการความรู้ เรียกว่าการปฏิสัมพันธ์
ในขณะที่มีการสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนความรู้ที่ฝังลึกจากความสำเร็จดังกล่าว ทีมงานผู้สัมภาษณ์
ดำเนินการถอดความรู้ฝังลึกจากผู้ถูกสัมภาษณ์ไปเป็นความรู้ที่ชัดแจ้งด้วยวิธีการเขียนและจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นจุดแข็ง
นอกจากนั้น การสัมภาษณ์ที่ใช้คำถามเชิงบวกยังช่วยกระตุ้นให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เกิดแรงปรารถนาที่จะพัฒนาองค์กรร่วมกัน โดยสมาชิกที่เข้าร่วมจะถูกเชื้อเชิญให้มีการระบุหัวข้อนวัตกรรม ซึ่งเป็นความรู้ใหม่ที่ต้องการสร้างในอนาคต
ซึ่งในขั้นตอนของการสร้างความรู้ในกระบวนการจัดการความรู้เรียกว่าการถอดความรู้ ดังนั้นขั้นตอนของการค้นหา
ในกระบวนการสุนทรียสาธกที่นำวิธีการสัมภาษณ์แบบชื่นชม และคำถามเชิงบวกซึ่งเป็นหัวใจของสุนทรียสาธกมาใช้เพื่อการค้นหาระบุหัวข้อความรู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งในอดีต
ปัจจุบัน และความต้องการพัฒนาในอนาคต ซึ่งช่วยสนับสนุนกระบวนการจัดการความรู้ให้เกิด
ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างความรู้ที่ฝังลึกในตัวคน และการถอดบทเรียนรู้เพื่อสรุปหัวข้อความรู้
2. การจินตนาการสร้างฝัน (Dream)
จุดมุ่งหมายของการจินตนาการสร้างฝัน คือ การนำเอาผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหาในขั้นตอนแรกของกระบวนการสุนทรียสาธกซึ่งได้แก่
จุดแข็ง ศักยภาพ องค์ประกอบ ปัจจัยแห่งความสําเร็จ ตลอดจนเทคนิควิธีการที่ได้มาซึ่งความสําเร็จของคน
ทีมงานและองค์กรในอดีตและปัจจุบัน มาเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน สําหรับการจินตนาการเพื่อสร้างความรู้ใหม่ในอนาคต
ซึ่งในขั้นตอนนี้การสร้างบรรยากาศ ที่ทำให้ผู้ที่เข้ามาร่วมเกิดสมาธิ และการใช้คำถามเชิงบวกจะกระตุ้นให้เกิดการจินตนาการภาพฝันต่อยอดจากองค์ประกอบ
พื้นฐานที่มีศักยภาพเดิมมาเป็นการขยายศักยภาพเพิ่มขึ้น โดยผู้เข้าร่วมแต่ละคนจะทำการสะท้อนความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อ ความฝันซึ่งเป็นความรู้ฝังลึกที่เกิดขึ้นภายในตนเอง
ผลลัพธ์ที่ได้จากการสร้างฝันได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคใหม่ที่จะนำไปออกแบบความรู้นวัตกรรมในอนาคตจะนำมาถอดบทเรียน กลายเป็นความรู้ที่ชัดแจ้งซึ่งอยู่ในรูปแบบของภาพวาด สัญลักษณ์ หลังจากนั้นสมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรมมีการดำเนินกิจกรรมโดยการแบ่งปันภาพฝันความคิดของตนเองให้เพื่อนสมาชิก การรวบรวมความคิดสร้างสรรค์และความคิดใหม่ที่จะนำไปออกแบบความรู้
นวัตกรรมในอนาคตซึ่งเกิดจากภาพฝันของสมาชิกทุกคนนำมาสร้างเป็นข้อความวิสัยทัศน์ (Vision
Statement) ร่วมกัน อีกทั้งสมาชิกทั้งหมดที่เข้าร่วมกิจกรรมมีการจัดทำข้อตกลงและพันธะสัญญาร่วมกันในการร่วมแรงร่วมใจที่จะปฏิบัติตามข้อความวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้
ดังนั้น ขั้นตอนของการจินตนาการสร้างฝันในกระบวนการสุนทรียสาธกซึ่งต้องอาศัยการสร้างบรรยากาศให้ผู้ร่วมเกิดสมาธิควบคู่ไปกับการใช้คำถามเชิงบวกจะกระตุ้นภายในให้เกิดการจินตนาการภาพฝัน
โดยเฉพาะการก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ นำมาถอดบทเรียน กลายเป็นความรู้ที่ชัดแจ้งอยู่ในรูปแบบของภาพวาด
สัญลักษณ์ ข้อความวิสัยทัศน์ ซึ่งจะกลายเป็นองค์ประกอบสําคัญในการออกแบบในขั้นตอนต่อไป
3. การออกแบบ
(Design) เป็นขั้นตอนของการผสมผสานความรู้ที่ชัดแจ้งระหว่างการนำความรู้ที่ได้จากขั้นตอน
ของการ จินตนาภาพฝันอันได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ องค์ประกอบสําคัญที่ส่งผลต่อความสําเร็จในอนาคต
ขององค์กร ข้อความวิสัยทัศน์ และความรู้จากภายนอกองค์กร ที่นำมาใช้ในการวางแผนและออกแบบ
วิธีการทำงานของสมาชิกในองค์กรเพื่อสร้างนวัตกรรมในอนาคต โดยจัดทำในรูปแบบของแผนงาน
โครงการ กิจกรรมและมีการกำหนดบทบาทผู้รับผิดชอบตามศักยภาพ ความสามารถที่มีอยู่ ดังนั้นขั้นตอนการออกแบบในกระบวนการสุนทรียสาธก
ช่วยสนับสนุนการสร้างความรู้ในกระบวนการจัดการความรู้โดยเฉพาะการผสมผสานความรู้ของความรู้ชัดแจ้งของแหล่งความรู้ที่มีอยู่
ตลอดจนการแสวงหาและแลกเปลี่ยนความรู้ภายในกลุ่มสมาชิกที่จะทำให้การออกแบบแผนงานและโครงการกิจกรรมที่มีการใช้ประโยชน์จากศักยภาพและความสามารถของคนและสมาชิกในองค์กรอยางเต็มความสามารถ
4. การปฏิบัติ ติดตามและประเมินผล (Destiny) ขั้นตอนนี้เป็นการนำผลลัพธ์ของการออกแบบในกระบวนการสุนทรียสาธกซึ่งเป็นความรู้ที่ปรากฏชัดแจ้งซึ่งอยู่ในรูปแบบของแผนงาน
โครงการ กิจกรรม ตลอดจนเทคนิคและวิธีการใหม่ที่สมาชิกทีมงานได้คิดค้นและนำมาทดลองปฏิบัติจริงในพื้นที่ส่งผลให้สมาชิกทีมงานเกิดการเรียนรู้ร่วมกันจากการปฏิบัติทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพจากความรู้ปรากฏชัดแจ้งกลายเป็นความรู้ที่ฝังลึกเก็บไว้ในแต่ละบุคคล
ต่อมาหลังจากที่สมาชิกทีมงานได้ทำการทดลองปฏิบัติตามแผนงานแล้วทีมงานผู้รับผิดชอบต้องมีการติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินการตามแผนงานโครงการ
และกิจกรรมที่ดำเนินการเป็นระยะตามวงรอบของการติดตามความก้าวหน้า เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมารวบรวม
ค้นหาสิ่งที่ทำได้ดี และโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาผล การดำเนินงานตลอดจนปรับปรุงแผนงานใหม่
แล้วนำสู่การปฏิบัติ เมื่อสิ้นสุดแผนงานโครงการมีการติดตาม และประเมินผลลัพธ์จากการดำเนินงานตลอดจนการเรียนรู้ของสมาชิกทีมงานโดยนำมาถอดบทเรียน
ประมวลกลั่นกรองเป็นชุดความรู้สู่การเผยแพร่แลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนการนำองค์ความรู้ที่ได้มาพัฒนางาน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น